วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560

ให้ความมั่นคงทางการเงิน

คุณพอใจกับชีวิตปัจจุบันของคุณอยู่หรือไม่
     “ความสุข” เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาและพากันแสวงหาหนทางว่าเราจะพบกับความสุขในชีวิตได้อย่างไร เพราะความสุข คือความสบายใจและกาย ความพอใจ ความรื่นรมย์ ความอิ่มเอมใจ  คุณพอใจหรือยัง กับชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้??? ถ้าความต้องการมีมากมายจะทำอย่างไร ไม่มากนักที่ “โอกาสของชีวิต” จ่าผ่านเข้ามา พวกเราเคยสงสัยบ้างมั้ย? บางคนหยิบจับอะไร..ก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ร่ำรวยง่ายเหลือเกิน .. ในขณะที่บางคน.. กลับมีเงินแค่พอใช้เดือนชนเดือน..ลงทุนทำอะไรก็เจ๊งไม่เป็นท่า


      ชีวิตของคนเรามันมีขึ้นมีลงอยู่ตลอด แล้วแต่จังหวะและโอกาส เป็นเรื่องปกติของชีวิตคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่มีชีวิตที่มีแต่ดีและดียิ่งกว่าที่เิกดกับคนธรรมดาๆ แต่ไม่ธรรมดาเรื่องแนวคิด ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวของเราเองให้ดีขึ้นๆ กับตัวของเขาเองอยู่อย่างสม่ำเสมอและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง โอกาสมีไว้สำหรับทุกคน มีอยู่รอบๆ ตัวเรา อยู่ในตัวเรานี่เอง ไม่เป็นคน รอโอกาส แต่เป็นคนสร้างโอกาสให้กับตนเอง และฉวยโอกาสดีๆ เอาไว้ก่อนที่มันจะผ่านไป และไม่หวนกลับมา  สร้างนิสัยให้เป็นคนมีวินัย รักการอ่าน มีสติรู้ตัวตลอด เวลา สร้างมิตรกับคนรอบข้าง มีปฏิสัมพันธ์ที่ดี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมให้ผู้นั้นมีโอกาสดีๆ มากกว่าคนเฉยๆ ไม่กระตือรือร้น ชอบแก้ตัวและตำหนิสภาพแวดล้อม อย่ารอโอกาส อย่าทิ้งโอกาส แต่จงสร้างและฉวยโอกาส จงทำให้ดีที่สุดใน


เรียนรู้ ESBI เพื่อให้ได้ความสำเร็จที่ดีกว่า ( ยั่งยืน )
     เรียนรู้ในสถาบันการศึกษาเพื่อให้มีความรู้ในการดำรงค์ชีวิต แต่ในชีวิตประจำวันเราจำเป็นต้องรู้ ESBI เพื่อให้การดำรงค์ชีวิตของเราให้ดีกว่า ESBI จะบอกเราเรื่องที่มาของรายได้ 4 อย่างที่เราทำกันและมีรายได้กัน และ สามารถบอกได้ว่าอนาคตของเราจะมีวิถีชีวิตเป็นเช่นไร

     หลายคนเชื่อว่า การจะมีเงินต้องทำงานหนัก เหน็ดเหนื่อย ยาก ลำบาก ร้อน และอีกสารพัด ทำให้ภาพของการที่กว่าจะได้เงินมานั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญ นั่นอาจเป็นจริงสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่การได้เงินของเขา ไม่เห็นจะต้องเหนื่อย ลำบาก อะไรเลย หนำซ้ำตัวเงินยังเป็นคนทำงานให้อีกต่างหาก
     การสร้างรายได้ สามารถเกิดขึ้นได้หลายช่องทาง หลากหลายวิธีทำมาหากิน ในส่วนนี้จะมาพูดถึงที่มาของเงินจากด้านที่แตกต่างกันของ ESBI   4 ข้อ ดังนี้
     ด้านแรกคือ E มาจากคำว่า Employee เป็นเงินที่ได้มาจากการรับจ้าง เรียกว่าเอาหยาดเหงื่อแรงกายเข้าแลก ต้องเหน็ดเหนื่อย ทนร้อน บางครั้งอาจต้องทนคำบ่น ก่นด่าจากผู้จ้าง รับค่าจ้างเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือก็เป็นรายเดือน คนส่วนใหญ่จะได้เงินจากวิธีนี้ ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่ขาดอิสรภาพหลายๆอย่างเวลาส่วนใหญ่ของชีวิต นายจ้างจะเป็นผู้กำหนด ทำงานนานๆ ไป บางคนอาจเปลี่ยนงานเพื่อให้ได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้นหรือสวัสดิการที่ดีกว่า และบางคนอาจลาออกไปเพื่อไปประกอบธุรกิจส่วนตัวเพื่อรับเงินที่ได้มากกว่างานที่ทำหรือได้มีเวลามากขึ้น รายละเอียดจะต่อไปในเงินด้านที่สอง
     ด้านที่สอง คือ S มาจากคำว่า Self Employee แทนด้วย S เป็นเงินที่มาจากการทำอาชีพส่วนตัว งานนี้แม้จะมีอิสระและดูเหมือนว่าจะดูดีกว่าแบบที่หนึ่ง เพราะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของกิจการเอง ตัดสินใจเอง บริหารจัดการเอง แต่ในความเป็นจริง เหนื่อยมาก เพราะต้องพบกับคู่แข่งทางการค้าที่หลากหลาย และต้องสร้างสมประสบการณ์ที่มากพอ สิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่งคือ จำนวนเงินทุน หากเรามีทุนน้อย ก็ไม่สามารถที่จะไปต่อกรกับคู่แข่งที่มีทุนมากกว่า จากสถิติพบว่า คนที่เริ่มต้นกิจการใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะล้มเหลวหรือล้มเลิกไปภายใน 3 ถึง 5 ปี ตอนแรกคิดว่าจะมีเวลา พอได้ลงมือทำจริงๆ กลับพบว่า ไม่มีเวลาเลยหนักกว่าเดิมอีกคือต้องเฝ้าร้าน เฝ้าทั้งวัน ทั้งเดือนและทั้งปี
   จะเห็นว่า การจะหาเงินจากวิธีนี้ก็ไม่ได้ง่ายนัก ค่าเฉลี่ยความสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 5 - 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าสามารถยืนหยัดและมีแนวความคิดที่โดดเด่น ก็สามารถสร้างผลตอบแทนหรือมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ คุ้มค่ากับความเหนื่อยยาก และสามารถต่อยอดขยายธุรกิจออกไปจนใหญ่โต สร้างงานให้คนกลุ่มแรกได้และถ้าประสบความสำเร็จมากขึ้นๆ ก็จะต่อยอดความสำเร็จไปในด้านที่สามต่อไป
    ด้านที่สาม คือ B มาจากคำว่า Business เงินที่ได้จากการทำธุรกิจ รายได้กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เติบโตและถูกต่อยอดมาจากการประกอบอาชีพส่วนตัว เมื่อประสบความสำเร็จก็ขยายสาขาหรือเพิ่มสินค้า แตกธุรกิจไปเป็นสาขาอื่น ส่วนใหญ่เจ้าของธุรกิจจะไม่ต้องลงแรงเองแล้ว จะใช้วิธีจ้างคนเก่งมาทำงานแทน เจ้าของก็นั่งดูแลหรือบริหารในภาพรวม งานลักษณะนี้ถือเป็นการงานขนาดใหญ่ ต้องมีทุนมากหรือมีแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่เพียงพอ ผู้บริหารจะต้องบริหารจัดการให้ดี มีการแบ่งแยกงานการหลายระดับหลายหน้าที่ คนที่เป็นเจ้าของแม้ไม่เหนื่อยกายมาก ก็ต้องเหนื่อยใจ หรือเหนื่อยในการที่จะต้องพบปะบริหารจัดการเรื่องคนแทน ส่วนค่าตอบแทนถือว่ามหาศาลหากธุรกิจดำเนินไปด้วยดี ธุรกิจประเภทนี้เช่น บริษัท CP บริษัท เบทาโกร บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย เป็นต้น สำหรับ แนวทางที่สามารถแทรกเข้ามาในกลุ่มนี้ได้เลยก็จะเป็นงานกลุ่มที่มีลิขสิทธิ์ เก็บรายได้จากค่าเช่า บริษัทบริการธุรกิจเฟรนชายด์ และธุรกิจเครื่อข่ายดีๆ และเมื่อสำเร็จจนถึงจุดสูงสุด จะนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุนในกลุ่มที่เปิดให้ร่วมทุน เช่นบริษัทหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นต่อไป
     ด้านที่สี่ คือ I มาจากคำว่า Invest เป็นเงินที่ได้จากการลงทุน หมายถึงนำเงินไปต่อเงิน หรือให้เงินทำงานแทนเรานั่นเอง รายได้แบบนี้ส่วนใหญ่เราไม่ต้องลงแรง หรือเหนื่อยยากอะไร เพียงแต่ต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่เชี่ยวกราก หรือเรียกว่าเขี้ยวลากดินก็ได้ เพราะในหมู่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนเป็นพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด ผ่านวิกฤตต่างๆมานับนับไม่ถ้วน เพราะการลงทุนแม้ไม่ต้องออกแรงกาย แต่ต้องใช้แรงสมอง และทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ถ้าต้องการผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูง ถ้าต้องการผลตอบแทนต่ำ ผลตอบแทนก็ต่ำไปด้วย


เลือกดูว่าเราอยู่กลุ่มใด เราสามารถขยับจากฝั่งซ้ายมาเป็นฝั่งขวาได้ ถ้าเรารู้จักวางแผน ในที่นี้ขอแนะนำ การแทรกเข้าไปในเรื่องของลิขสิทธิ์ใช้เวลาสะสมการสร้าง 3- 5 ปี โดยใแทรกเข้าไปในข้อ B ได้ทุกคน เราสามารถจะมีรายได้มรดกที่เป็น PASSIVE INCOME เหมือน B และ I ได้ จากแผนธุรกิจที่ก้าวหน้าแต่ให้โอกาสเราได้เป็นหุ้นส่วนมีหน้าที่ในการสร้างธุรกิจของเราเอง โดยหุ้นส่วนได้จัดเตรียม ผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมระดับเวิลคลาสผลิตเองจากเทคโนโลยีของเราเอง ผลิตจากธรรมชาติปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย อันจะเป็นโมเดลที่ใช้ในอนาคตคนจะเลิกใช้สารเคมีเพราะก่อผลเสียกับร้่งกาย และที่สำคัญ ใช้เวลาว่างมาสะสมความสำเร็จ ไม่มีความเสี่ยงใดๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น